ไฟตก ไฟดับ มีผลกับกล้องวงจรปิดหรือไม่

ปัจจุบัน กล้องวงจรปิด CCTV ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิดภายนอก หรือ กล้องวงจรปิดภายใน เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นในที่พักอาศัย ร้านค้า สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม แต่หลายคนอาจสงสัยว่า หากเกิดไฟตกหรือไฟดับ กล้องวงจรปิดจะยังสามารถทำงานได้หรือไม่ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีอะไรบ้าง ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ในรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว

ไฟตกคืออะไร?

ไฟตก (Voltage Sag) คือ การที่แรงดันไฟฟ้าลดลงชั่วขณะ โดยทั่วไปจะมีระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที แต่อาจเกิดขึ้นซ้ำๆ ได้หากระบบไฟฟ้าไม่เสถียร สาเหตุของไฟตกอาจเกิดจากการใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในช่วงเวลาที่ไฟฟ้าไม่พอ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีการใช้กระแสไฟฟ้าสูง หรือการเกิดอุบัติเหตุในระบบไฟฟ้า

ไฟดับคืออะไร?

ไฟดับ (Power Outage) คือ การที่ระบบไฟฟ้าหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างสิ้นเชิง อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การตัดไฟเพื่อซ่อมบำรุง การเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้สายไฟขาด หรือการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง

ผลกระทบจากไฟตกกับกล้องวงจรปิด

ไฟตกส่งผลกระทบกับกล้องวงจรปิดในหลายด้าน ดังนี้:

  1. ภาพกระตุกหรือภาพหาย : เมื่อแรงดันไฟฟ้าลดลง กล้องอาจไม่ได้รับกระแสไฟฟ้าเพียงพอ ทำให้ภาพที่บันทึกมีการกระตุกหรือหายไปบางช่วง
  2. หากใช้เครื่องบันทึกภาพขัดข้อง : หากไฟตกขณะเครื่องบันทึก (DVR/NVR) ที่ทำการบันทึก ฮาร์ดดิสก์อาจเกิดความเสียหาย หรือ อาจสูญหาย
  3. ปัญหากับอินฟราเรด (IR) : กล้องที่มีระบบอินฟราเรดอาจไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากได้รับไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ
  4. การรีบูทระบบ : บางครั้งเมื่อไฟตก ระบบอาจรีบูทเองใหม่ ส่งผลให้กล้องหยุดทำงานและกลับมาเริ่มบันทึกใหม่อีกครั้ง

ผลกระทบจากไฟดับกับกล้องวงจรปิด

  1. การหยุดบันทึกภาพ: หากไม่มีระบบสำรองไฟ (UPS) กล้องและเครื่องบันทึกจะหยุดทำงานทันทีเมื่อไฟดับ
  2. ข้อมูลสูญหาย: หากไฟดับขณะกำลังบันทึกข้อมูล ฮาร์ดดิสก์อาจเกิดความเสียหายและไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้
  3. ระบบรีเซ็ต: เมื่อไฟกลับมา ระบบอาจรีเซ็ตและตั้งค่าใหม่ ทำให้การบันทึกข้อมูลสะดุด
  4. กล้องบางรุ่นมีแบตเตอรี่ในตัว: กล้องบางรุ่นถูกออกแบบให้มีแบตเตอรี่สำรองในตัว ช่วยให้กล้องทำงานต่อได้เมื่อไฟดับ

วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหา

  1. ติดตั้งระบบสำรองไฟ (UPS):
  2. ระบบ UPS จะช่วยจ่ายไฟฟ้าชั่วคราวเมื่อเกิดไฟดับ ช่วยให้กล้องและเครื่องบันทึกทำงานต่อเนื่อง
  3. ควรเลือก UPS ที่มีระยะเวลาสำรองไฟเพียงพอสำหรับการบันทึกข้อมูลและการปิดระบบอย่างปลอดภัย
  4. เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (AVR):
  5. ช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ ป้องกันปัญหาไฟตกและไฟกระชาก
  6. AVR ที่ดีควรมีการป้องกันไฟกระชากและไฟฟ้าเกิน (Surge Protection)
  7. ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power):
  8. เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันไฟดับ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย
  9. การติดตั้ง Solar Power System ควรมีแบตเตอรี่เก็บพลังงานสำรองสำหรับเวลากลางคืนหรือช่วงที่ไม่มีแสงแดด
  10. ติดตั้งแบตเตอรี่สำรอง:
  11. สำหรับกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายนอก การใช้แบตเตอรี่สำรองจะช่วยให้กล้องทำงานต่อได้แม้ไฟดับ
  12. ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงและมีระบบป้องกันการชาร์จเกินและการคายประจุเกิน

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกอุปกรณ์ป้องกันไฟตกและไฟดับ

  1. ขนาดของ UPS หรือ AVR: ควรเลือกขนาดที่รองรับจำนวนกล้องและเครื่องบันทึกทั้งหมด
  2. ระยะเวลาการสำรองไฟ: ควรคำนึงถึงเวลาที่ต้องการให้กล้องทำงานต่อเนื่องหลังไฟดับ
  3. ระบบแจ้งเตือน: UPS หรือ AVR ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ จะช่วยให้ผู้ใช้งานทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
  4. ความทนทานและอายุการใช้งาน: ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานและรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิต

ไฟตกและไฟดับเป็นปัญหาที่สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของกล้องวงจรปิดอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวและติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน เช่น UPS, AVR และระบบพลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับระบบกล้องวงจรปิด ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลและอุปกรณ์เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกใช้กล้องที่มีระบบแบตเตอรี่สำรองในตัว หรือการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติม จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพในการบันทึกภาพในสถานการณ์ที่เกิดไฟตกหรือไฟดับได้อย่างมีประสิทธิผล การวางแผนระบบป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยรักษาความปลอดภัยและความต่อเนื่องในการบันทึกข้อมูลได้อย่างมั่นใจ